ข้อดีของ Plugin Woo Commerce เขียนเว็บไซต์ Wordpress

ข้อดีของ Plugin Woo Commerce

  • สิ่งแรกเลยที่สำคัญที่สุดคือ “ฟรี”ใช่แล้วครับเจ้าตัว Plugin Woo Commerce สามารถโหลดและติดตั้งมาใช้งานได้ฟรี โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆเลย
  • มีระบบ “จัดการสมาชิก”
    จริงๆตัวนี้มันมากับ WordPress แล้วครับ เพียงแต่มันเพิ่มขึ้นมาคือเมื่อสมาชิกเว็บของเราซื้อสินค้าเราปุ๊บ เค้าจะกลายเป็น Customer ทันที และแม้แต่บางครั้งร้านออนไลน์ของเรามีคนดูแลหลายคน เราก็ตั้งค่าให้เค้าเป็น Shop Manager ก็ยังไงด้ เรียกได้ว่าสามารถสร้างสิทธิ์ในการเข้าถึงของแต่ละคนได้อย่างดีเลย
ข้อดีของ Plugin Woo Commerce
  • มีระบบ “Stock สินค้า”
    หนึ่งในความสามารถอันเยี่ยมยอดของมันก็คือการจัดการคลังสินค้าครับ สมมติว่าของชิ้นนี้มีเพียง 10 ตัวในร้านของเรา เมื่อคนซื้อสินค้าและจ่ายเงินเรียบร้อยแล้ว ระบบก็จะทำการตัดจำนวนออกไปครับ พอมันลดไปเรื่อยๆจนถึงจุดจุดหนึ่ง มันก็จะแจ้งเตือนเจ้าของเว็บให้ทราบว่า เห้ย! ของชิ้นนี้ขายดีนะ และใกล้จะหมดแล้ว ไปหามาขายเพิ่มด่วนๆ เช่น ถ้าหากเราตั้งค่าไว้ว่าถ้าเหลือในสตอคเพียง 3 ตัวให้แจ้งเตือน พอสินค้าเหลือเพียงสามตัวมันก็จะส่งอีเมลมาให้เราเลยครับ
  • มีระบบจัดการ “Order”
    เวลาลูกค้าสั่งซื้อของมันจะมี Order เข้ามาในระบบหลังบ้านครับ โดยในแต่ละออเดอร์เราก็ยังสามารถตั้งค่าได้ว่า ออเดอร์นี้จ่ายเงินไปยัง หรือไปถึงขั้นตอนไหนแล้ว อาทิเช่น ยังไม่จ่ายเงิน  จ่ายเงินแล้ว กำลังดำเนินการ สั่งซื้อเสร็จสิ้น หรือแม้แต่สถานะยกเลิกรายการสั่งซื้อ หรือคืนเงินครับ ในกรณีที่ออเดอร์นั้นมีการสั่งสินค้าผิด หรือต้องการแก้ไข้ เราก็สามารถแก้ไขได้ด้วย
  • ส่งข้อความหาลูกค้าแต่ละคนได้ด้วย
    เวลาเราได้ออเดอร์จากลูกค้า Plugin Woo commerce มองว่าบางทีเราอาจอยากจะส่งข้อความบางอย่างไปยังลูกค้าผ่านระบบเว็บไซต์ของเรา เช่น บอกว่า ได้รับเงินแล้วนะครับ ตอนนี้กำลังจัดส่ง หมายเลข EMS คือ บลาๆ โดยตรงนี้เราจะเรียกมันว่า Note ครับ เราสามารถพิมพ์สำหรับออเดอร์แต่ละอันได้ เมื่อลูกค้าเปิดไปหน้าโพรไฟล์ของเค้า ก็จะเห็นข้อความที่เราส่งให้
ข้อดีของ Plugin Woo Commerce
  • ลูกค้าติดตามสถานะการสั่งซื้อได้
    ทุกๆครั้งที่เราอัพเดทสถานะการสั่งซื้อ เช่น จากรอจ่ายเงิน เป็นได้เงินแล้ว ระบบจะแจ้งเตือนไปยังลูกค้าด้วยครับ เช่นเดียวกัน ลูกค้าสามารถดูรายละเอียดการสั่งซื้อ หรือสถานะการสั่งซื้อได้ผ่านหน้า Profile ของตัวเอง
  • รองรับการจ่ายเงินหลายประเภท
    ร้านค้าที่ดีควรมีช่องทางการจ่ายเงินหลากหลายช่องทางครับ ตัว Woo Commerce มีมาให้แบบพื้นฐานก็คือจ่ายผ่าน Paypal, บัตรเครดิต (พ่วงกับ Paypal) จ่ายผ่านเช็ค จ่ายแบบให้ไปโอนเงินเข้าแบงค์แล้วโทรมาแจ้ง อะไรแบบนี้ก็มี หรือสำหรับร้านค้าเมืองไทย ที่อยากจะพ่วงกับพวก Paysbuy ก็มีปลักอินพวกนี้ให้ใช้เหมือนกันครับ
ecommerce
  • มีระบบรายงานผล
    รายงานผลของ Woo commerce ละเอียดมากครับ เราสามารถเช็คดูได้ว่าขายของได้กี่บาทแล้ว ขายดีสุดช่วงไหน ใครซื้อเยอะสุด ชิ้นไหนขายดี เหมาะมากสำหรับบรรดามาร์เกตติ้งที่อยากจะได้รายงานไปประกอบการทำงาน เพราะสามารถระบุ “ช่วงเวลา” ในการดูรายได้ด้วยนะครับ ไตรมาสแรกได้เท่าไหร่ ไตรมาสสองได้เท่าไหร่ ว่ากันไปตามใจปรารถนา
  • ระบบคิดค่าขนส่ง
    เวลาขายของบางร้านไม่ได้ส่งฟรีนะครับ ต้องคิดค่าส่งด้วย ก็ทำได้อีกนั่นแหละครับว่าจะคิดเงินเค้าอย่างไร ตัว shipping ที่มาให้ มีดังนี้ครับ
    • International Flat Rate
    • Local Delivery
    • Local Pickup
    • Flat Rate Shipping
    • Free Shipping
    เราก็เลือกเอาเลยครับว่าตัวไหนเหมาะสำหรับระบบขายของของเรา

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

WordPress คือ อะไร